Sunday, January 29, 2012

Ajidouraku ร้านญี่ปุ่น แบบญี่ปุ่น ที่เคลมว่ามีโอโทโร่ถูกที่สุดในประเทศไทย

อร่อยแสดพาชิมร้านอาหารญี่ปุ่นที่เจ้าของและผู้จัดการร้านเป็นญี่ปุ่น ให้ความรู้สึกเป็นญี่ปุ่นดีแท้ครับ ร้านนี้ชื่อ Ajidouraku ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 Big C เอกมัย โดยทางร้านเคลมว่าที่ร้านเป็นร้านที่ขาย โอโทโร่ (เนื้อส่วนท้องที่มันที่สุดของปลาทูน่า หรือที่เรียกว่าปลา Maguro) ถูกที่สุดในประเทศไทย ร้านก็เป็นร้านใหญ่พอควร มี counter sushi มีโต๊ะ และมีห้องส่วนตัวด้วย ทางร้านมีเมนูเด่นอีกอย่างคือ Nabe หม้อไฟ โดยน้ำซุปจะเป็นน้ำซุป Collagen ร้านสะอาดสะอ้านดี พนักงานบริการไม่ขาดตกบกพร่องครับ

บรรยายประกอบรูปต่อเลยครับ

ถ้าสั่งอาหารเกิน 1000 บาท จะได้รับบัตรสมาชิกเพื่อสะสมแต้มเอาไว้เป็นส่วนลดหรือแลกของรางวัลได้ครับ 50 บาทได้ 1 แต้ม และ 1 แต้มลดได้ 1 บาทครับ


เมนูรองท้องก่อนเลย เต้าหู้เย็นครับ รสชาติมาตรฐานครับ



และพระเอกก็มาถึง นาเบะหม้อไฟครับ ตัวผมเองเลือกซุปมิโซ ด้วยความชอบเป็นการส่วนตัวครับ







ซุปค่อนข้างเค็มเกินไปหน่อย ผมเลยให้เอาซุปใสมาเติมเพิ่ม รสชาติก็กลมกล่อมดีครับ

แล้วก็เริ่มลงเนื้อสัตว์ครับ ในรูปเป็นเนื้อหมู


ลงปายยยยซะเด ๆ



เมนูนี้ผมแนะนำมากครับ ดูง่าย ๆ แต่อร่อยจริง ๆ เป็นหมูทอดใส่ไช้เท้าสับครับ เสิร์ฟมาพร้อมน้ำซอสโชวยุ เนื้อกรอบนอกนุ่มในและซอสรสชาติดีครับ กินเพลิน ๆ ได้สบาย ๆ



ตัวต่อไปเป็นซูชิปลาซัมมะ ตัวนี้ผมเฉย ๆ ผมว่าข้าวออกจะเยอะเกินเนื้อปลาไปหน่อยครับ



จานต่อไปไม่ค่อยเห็นคนไทยกินกันแต่ผมชอบกินครับ มันคือปลาหมึกร้า หนึบ ๆ เค็ม ๆ ครับ ที่นี่รสชาติเฉย ๆ ครับ


แล้วก็แก้มปลาย่างเกลือ มาตรฐานครับ



เมนูต่อไปก็เป็นเมนูที่แนะนำเช่นกัน เมนูทั่วไปที่ทำมาได้อร่อยครับ โอโคโนมิยากิ



แล้วก็ถึงคิวพระเอก ปลาดิบรวมพิเศษครับ แต่ผมว่าปลาดิบแต่ละชิ้นมันค่อนข้างเล็ก (อาจเป็นเพราะว่ามันเป็นจานรวม)ผมกินไม่ค่อยสะใจ แต่เนื่องด้วยมันเริ่มเกินกำลังแล้วจึงไม่ได้สั่ง ซาชิมิ แบบแยกชนิดปลามากินครับ



โดยรวมรสชาติอาหารไม่ได้แบบ อื้อหือ เท่าไรครับ แต่ก็มีอื้อหือ บางอย่าง
จานแนะนำในการกินครั้งนี้ ผมแนะนำ นาเบะ ครับ ถ้าใครชอบกินหม้อไฟ ไม่อยากให้พลาดกับร้านนี้เลย ราคาไม่แพงด้วย ถ้าจำไม่ผิดทั้งชุดนั้นราคา 390 บาทครับ

จานกินเล่นแนะนำก็หมูทอด ไช้เท้าสับเลยครับ ไม่ผิดหวัง

ปลาดิบสดดีครับ แต่ขอไม่วิจารณ์มากกว่านี้เพราะ ผมกินมาแค่จานรวม ไว้ไปซ้ำพวกจานแยก และ ซูชิ แล้วจะมี วิจารณ์ต่อเพิ่มเติมครับ

อ่าน review จบ ถ้ายังไม่กด like ใน facebook หรือ follow ใน twitter ก็แถบด้านขวานี้เลื่อนขึ้นด้านบนไปกดหน่อยนะครับ เป็นกำลังใจก็ส่วนหนึ่งครับ

จนกว่าจะกลับมาอีกครั้ง สำหรับครั้งนี้สวัสดีครับ

Thursday, January 26, 2012

เรือนแม่หลุย

คราวนี้มีร้านอาหารไทยมาแนะนำครับ ร้านชื่อเรือนแม่หลุย ตั้งอยู่ที่ Big C extra รัชดา เป็นร้านอาหารไทยที่เน้นอาหารใต้ รสชาติจัดจ้านครับ

ผมไม่บรรยายมาก ดูภาพเลยดีกว่า

ร้านใหญ่ดี สะอาดสะอ้าน ร้านตั้งอยู่บนชั้น 2 ครับ


เมนูแรกนี้ผมจำชื่อไม่ได้แต่มันคือสองเมนูรวมกันใช้ปลาคนละฝั่งครับ


เมนูที่สองก็สะตอผัดกุ้ง (แบบใส่กะปิ)รสชาติดีครับ


เมนูที่สาม แกงเลียงนพเก้า แกงเลียงที่นี่รสจัดใช้ได้เลยครับ ใครชอบทานเผ็ด ๆ จัดได้ ไม่ผิดหวัง


เมนูสุดท้ายคือข้าวยำครับ รสชาติมาตรฐาน


สรุปก็คือ อาหารพื้น ๆ ที่รสชาติประทับใจครับ

รสชาติ: 7.5/10
สถานที่: 7/10
บริการ: 7/10 การแนะนำอาหารและการบริการดีใช้ได้ครับ
ราคา: 7/10 ราคาก็กลาง ๆ ครับ ที่กินไปทั้งหมดนั้น 900 กว่าบาทครับ เทียบกับความสดใหม่ของอาหาร

ครั้งนี้ผมไม่ได้สั่งอาหารใต้มากนัก แต่รสชาติอาหารใต้ที่นี่ผมว่าใช้ได้เลยครับ ลองดูกันครับ

Tuesday, January 24, 2012

Bangkok Burger Co.

เหตุเกิดจากรถติดสุด ๆ ที่สุขุมวิท

ตอนแรกนัดเพื่อนไปกินข้าวที่สยาม ขับรถมาจากบางจาก พอถึงทองหล่อก็ติดไฟแดงตามปกติ แล้วมันก็เขียวไป 3 ครั้ง รถผมขยับไปไม่ได้ถึง 10 ม. ได้เวลาโทรหาเพื่อนแล้วล่ะว่า ผมไม่น่าจะไปได้

หลังจากนั้นเลี้ยวเข้าทองหล่อ ร้าน Bangkok Burger Co. อยู่ที่ตึก Opus ซึ่งอยู่ในทองหล่อซอย 10 จากทองหล่อ เข้าไปนิดนึง น่าจะเป็นตึกที่สอง ซ้ายมือ ทางเข้าเล็กซักหน่อย เข้าไปแล้วมีพนักงาน Valet ให้ ก็สะดวกดีครับ ร้านก็อยู่ให้เห็น ๆ หน้าตึกเลย หาไม่ยาก ร้านนี้ได้รับคำแนะนำจากป้าปรุงอันเป็นที่นับถือ :) พอดีเจ้าของตึกรู้จักกับป้าปรุงด้วย ป้าปรุงเล่าให้ฟังว่าก่อนที่จะให้เช่าพื้นที่ แต่ละร้านต้องทำอาหารมาให้เจ้าของตึกชิมก่อน ถ้าไม่ผ่านก็ไม่ให้เช่า

ในส่วนนี้ผมคิดว่าไอเดียเจ้าของตึกแม่งแจ๋วว่ะ ดีสำหรับผู้บริโภคด้วย สกรีนมาให้เสร็จสรรพ

เริ่มเลยแล้วกันครับ สำหรับหน้าร้าน





บรรยากาศร้านก็แต่งไว้ดูดีครับ แต่งสไตล์ Diner American สะอาดสะอ้านดีครับ



แล้วผมก็ได้ที่นั่ง นั่งดูเมนูครับ เมนูเบอร์เกอร์ที่นี่หลากหลายมากกกกก ส่วนตัวผมเลือกเมนูแรกเลย เพราะน่าจะเป็นตัวเด็ดสุด เมนู Bacon Cheese ครับ



ผมชอบ Lighting ของที่ร้านนี้ครับ ดูให้ความอบอุ่น แนวเก่า ๆ หน่อย ไม่ได้ดู Modern มาก



การใช้ซอส และการจัดโต๊ะ ก็เรียบ ๆ ดูดีครับ แต่ถ้าเป็น Homemade Ketchup จะแจ๋วกว่านี้นะครับ ให้แบบ brand ผมว่าเฉย ๆ ไปหน่อย



และแล้วเบอร์เกอร์ผมก็มา เสิร์ฟพร้อม สลัดครับ จริง ๆ มีให้เลือกทั้ง Bake fries และ Curly fries แต่ผมเลือกสลัดเพราะผมรักสุขภาพ :P





อยากให้ดูความเยิ้มของชีส ใต้ชั้นชีสมีเบคอนกรอบ ๆ วางอยู่ครับ ^^




แล้วเบอร์เกอร์ก็หมดไปในพริบตาครับ

ผมนั่งเล่นอยู่ซักพัก พนักงานเอาเมนูของหวานมาให้ ปกติผมไม่ค่อยกินของหวานเท่าไร แต่ร้านใหม่ก็เลยลองซักหน่อยครับ



ผมเลยกด Death by Chocolate Slice ไป

มันเป็น Brownie ร้อน ราดด้วยวิปครีมและก็โรยด้วย white Chocolate แถมเชอรี่หนึ่งเม็ดแปะหัว



ทานเสร็จแล้วก็เรียกเก็บตังครับ

ราคานั้นก็แพงไปหน่อย ผมว่า ตัวเบอร์เกอร์ผมว่าไม่แพงครับ ที่แพงคือของหวาน



สรุปรวม ๆ ให้ร้านนี้ครับ
รสชาติ: 8/10 ผมอยากให้ลองเวลาเอาเข้าปาก ชีสเยิ้ม ๆ มีเบคอนกรอบ ๆ แถม เนื้อที่ชุ่มจนเวลากัดน้ำทะลักออกมาทีเดียวครับ
สถานที่: 7.5/10 ที่จอดรถอาจจะเป็นปัญหาได้ แต่ Valet ก็ทุ่นไประดับหนึ่งครับ ค่าที่จอดถ้าปั๊มบัตรก็ชม. แรก ฟรี ชม. ต่อไป 30 ครับ
บริการ: 6.5/10 ผมเฉย ๆ กับบริการ ไม่แย่ แต่ไม่มีอะไรให้ชมครับ
ราคา: ถ้ารวม ๆ ผมให้ 6.5/10 เพราะของหวานแพง แต่ถ้าคิดแค่เบอร์เกอร์ ผมให้ 7.5/10 ครับ เนื้อหนา ๆ ชีสเยิ้ม คุ้มกับที่เสียเงินไปครับ

ผมคงต้องกลับไปลองอีกหลาย ๆ เมนูที่นี่แน่นอน

ฝากนามบัตรร้านไว้ให้ครับ

Monday, January 23, 2012

Sumi Sea by Sumi Sumi Asian Grill

สวัสดีครับ ในคราวนี้พามาชมอาหารร้าน Sumi Sea ซึ่งเป็น Buffet ที่เน้นไปทางด้าน Seafood เป็นร้านอาหารในเครือ Sumi Sumi Asian Grill ร้านตั้งอยู่ที่ The Nine ถนนพระราม 9 ใกล้ ABAC หัวหมากครับ

ผมไม่ได้ถ่ายบรรยากาศร้านมาให้ TT_TT ลืมถ่ายครับ แต่ขอบรรยายคร่าว ๆ ว่าร้านตั้งอยู่ชั้นสองของโครงการ จำนวนโต๊ะ ค่อนข้างน้อย โดยนอกร้านเป็นโต๊ะ สี่เหลี่ยนมีเตาตรงกลาง มี 12 ที่นั่ง และโต๊ะในร้านเป็นเคาน์เตอร์กลม ประมาณ 10-12 ที่นั่ง

ตัวผมเองนั่งด้านนอกเพราะมากันหลายคนครับ บรรยากาศร้านผมถือว่าโอเคมากในวันที่ไม่ร้อนนะครับ พนักงานบริการดี ผู้จัดการร้านมาต้อนรับลูกค้าเองเลยที่หน้าร้าน ที่ขอชมคือควันซึ่งไม่มีเลย อาจเป็นเพราะเป็นอาหารทะเลส่วนใหญ่ แต่ยังไงก็แล้วแต่สำหรับสาว ๆ ที่กินแล้วกลัวตัวเหม็นกลิ่นควัน ร้านนี้ใช้ได้ครับ กินแล้วตัวไม่เหม็นแน่นอน

เรามาดูเมนูของร้านกันก่อนครับ โดยที่นี่มีให้เลือกที่ 599 และ 299 แต่ตอนนี้ 599 จัด Pro อยู่ที่ 499 ครับ ไม่แน่ใจจะมีถึงเมื่อไหร่นะครับ ส่วนตัวผมเที่ยวนี้จัด 599 ไป (จ่าย 499)

>






เรียกได้ว่าเมนูนั้นมีให้เลือกเยอะทีเดียวสำหรับ 90 นาทีที่มีให้ ติดอยู่แค่ กุ้งมังกร (แบบ Maine Lobster ไม่ใช่แบบตามร้านอาหารจีน), ปลาไหล, และ ปลาหมึกยักษ์ นั้นต้องสั่งต่างหาก และคิดเงินเพิ่ม ผมจึงไม่ได้ลอง (แหะ ๆ)

ก่อนอาหารเริ่มลงก็มีน้ำมาเจือจางความเข้มข้นของน้ำย่อยกันก่อน...





แล้วอาหารก็มาครับ ผมสั่งของสดไปรัว ๆ จัดมาสองจานยักษ์ ๆ รวมถึงทูน่า(สด)สลัดครับ





นอกจาน Seafood แล้วก็มีเนื้อไว้บริการด้วยนะครับ ผมสั่งเนื้อมาทั้งเนื้อลายและคารูบิ (สันใน)



และแล้วเราก็เริ่มลงมือลงของใส่เตากันไปครับ



เตาที่นี่ค่อนข้างเล็กและร้อนช้า เราก็เลยเปรย ๆ บ่น ๆ กันในกลุ่ม สงสัยว่าจะเข้าหูผู้จัดการร้านครับ ท่านเลยจัดขาปูอลาสก้า มาให้ปลอบใจ ก็ได้ผลตามหลัก Marketing ครับ ความไม่พอใจหายไป กลายมาเป็นความพึงใจในบริการครับ :D


สุดท้ายก็อร่อยกันไปครับ รูปสุดท้ายฝากให้ดูคือบรรยากาศภายใน The Nine ที่โล่งโปร่ง อากาศสบาย ๆ ครับ


สรุปให้เลยละกันครับ สำหรับ Sumi Sea

บรรกาศร้านดีสะอาดสะอ้านครับ โต๊ะน้อยอาจจองยากหน่อย แต่ผมว่าถ้ามีที่นั่งกลับดีนะครับ ไม่จอแจ พนักงานก็บริการทั่วถึงกว่า

บริการดี ไม่มีอิดออด อาหารไม่ช้าครับ

เตาปิ้ง อันนี้ขอติงหน่อยว่าออกจะเล็กและร้อนช้า(พื้นที่ใส่ถ่านน้อย)ไปสำหรับอาหารทะเลที่ต้องใช้เวลามากกว่าจะสุก และแต่ละอย่างเปลือกมันก็กินที่อยู่พอสมควร

รสชาติน้ำจิ้มใช้ได้เลยครับ มีน้ำจิ้มแจ่วและซีฟู้ด ผมชอบแบบแจ่วมากกว่าครับ

ความสดของอาหาร อันนี้ให้เป็นอย่าง ๆ ครับ บางอย่างก็ไม่ค่อยสด แต่ต้องเห็นใจนิดนึง อาหารทะเลส่วนใหญ่ ถ้าสดคือต้องจบชีวิตก่อนมากินอะนะครับ แต่โดยรวมผมว่าโอเคมากแล้วครับสำหรับ Buffet

สรุป: โดยรวมผมว่าเนื้อก็ยังเป็นเมนูที่เวิร์คสุด เพราะสุกง่าย และกินได้เรื่อย ๆ ในเวลา 90 นาที ส่วนอาหารทะเลนั้นถ้าหมั่นเติมถ่านก็ใช้ได้ครับ แต่ก็นะ มันกินไม่ค่อยสะใจเท่าไรครับ สำหรับคนหนัก 100 กว่า ๆ 5555 สำหรับผมคงมีไปซ้ำแน่ครับ แต่คงเป็น 299 เพราะผมบันเทิงกับเนื้อลาย, หอยหวาน, และ หอยแมลงภู่ เป็นหลักครับ

คะแนน
รสชาติ: 7.5/10
สถานที่: 7.5/10
บริการ: 8.5/10
ราคา: 7.5/10 (ให้ในราคา 499 ครับ) ถ้าใครเลือกเมนู 299 ผมให้คะแนนราคาที่ 8.5/10 เลยครับ ของที่ได้คุ้มกับราคาครับ

เบอร์ร้าน 02-716-7908 ครับ


Friday, January 20, 2012

Shabu Shabu บ้านพลอย

คงเริ่มการเขียน Blog เกี่ยวกับการกินครั้งแรกด้วยของใกล้บ้านกันก่อน รูปไม่ค่อยชัด ถ้ามีถ่ายแก้ไขจะมาปรับ Blog ให้อีกทีนึงนะครับ

เข้าเรื่องเลยดีกว่า ร้าน ชาบู ชาบู บ้านพลอยนี้ เคยเป็นร้านที่ผมไม่เข้า เพราะพี่ชายบอกว่าไม่อร่อย จนเมื่อปี 2011 ช่วงเดือนไหนจำไม่ได้ เกิดรู้สึกเบื่อชีวิต เซ็งโลก ก็เลยต้องหาของใหม่ ๆ มาลองหน่อย เลยจบที่ร้านนี้

ร้านนี้ก็ตามชื่อ เป็นชาบู ๆ เป็นสไตล์หม้อใครหม้อมัน รสชาติ และ น้ำจิ้ม ละม้ายคล้ายคลึงกับ OK ชาบู น้ำจิ้มเหมือนกันเด๊ะ มี พริก กระเทียมต้มหอม และ ซอส XO มาให้เติมไม่อั้น พร้อมทั้งมีซีอิ๊วและน้ำส้มไว้เพื่อเติมน้ำจิ้มให้รสกลมกล่อมขึ้น

ร้านตั้งอยู่ที่ถนนบางขุนเทียน หรือที่ปกติคนแถวนี้เรียกว่าซอยหัวกระบือ เข้าซอยหัวกระบือจากถนนพระราม 2 เลย ปตท. ซ้ายมือจะมีที่กลับรถ เลี้ยวขวา เข้าซอยที่อยู่ตรงข้ามที่กลับรถได้เลย ร้านอยู่ในเขตสโมสร บ้านพลอย

เริ่มจากหน้าร้านก่อนเลยแล้วกันครับ ที่จอดรถกว้างขวาง เรียกว่าเหลือเฟือ


และก็ต่อที่บรรยากาศในร้าน คนเยอะมากทีเดียวครับ (วันอาทิตย์เย็น)


เวลาสั่งก็สั่งเป็นชุดจะไม่โดนชาร์ตค่าน้ำซุปครับ ชุดผักก็มีให้ตามที่เห็น



นี่คือจานเด็ดบางส่วนของที่นี่ครับ


โดยรวมแล้วถือว่ารสชาติ สถานที่ ผ่านเลยครับ สะอาดสะอ้านดี ถ้าจะปรับปรุงก็คงเรื่องบริกร ที่หน้าหมาไม่แดกเกือบทุกคน แต่อย่าสนใจมันครับ เรามากิน.... แถมราคาที่นี่ไม่แพงครับ เรียกว่าถ้าไปกินอย่างเดียวกันที่ OK น่าจะแพงกว่าเกือบสองเท่า

รสชาติ: 7/10
สถานที่: 7/10
บริการ: 5/10
ราคา: 8.5/10

จานแนะนำ: ลูกชิ้นกุ้งทอด, หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์, ฟองเต้าหู้ซีฟู๊ด, กุ้งสาหร่าย, และ ที่แปลกคือที่นี่เนื้อหมูอร่อยกว่าเนื้อครับ อาจเป็นเพราะว่าที่ร้านไม่ได้ใช้เนื้อเกรดดี ๆ

ชุดแรกฝากไว้แค่นี้ก่อน แล้วจะคอยปรับปรุงและ feed ข้อมูลร้านใหม่ ๆ เข้ามาเรื่อย ๆ ครับ